วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

เห็นอะไรบ้าง?

เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมม์ Forward Mail เรื่อง เห็นอะไรบ้าง? เรื่องมีดังนี้ ยอดนักสืบเชอร์ล็อคโฮล์มและหมอวัตสันไปแคมป์ปิ้งด้วยกันหลังอาหารค่ำ ทั้งคู่มุดเข้าเต็นท์นอน สองสหายนอนกรนครอกฟี้ๆ ไปหลายชั่วโมง โอล์มก็ตื่นขึ้นและสะกิดสหายคู่ใจ
"วัตสัน มองดูท้องฟ้านั่นสิ แล้วลองบอกผมซิว่าคุณเห็นอะไร?"
วัตสัน : "ผมเห็นดวงดาวเป็นล้านๆ ดวง"
โฮล์ม : "มันบอกอะไรคุณได้บ้าง?"
หมอวัตสันเพ่งพินิจชั่วขณะแล้วกล่าว "ในแง่ดาราศาสตร์ มันบอกเราได้ว่ามีดวงดาวมากมายจนสุดจะคณานับ ถ้าในแง่โหราศาสตร์ละก็ ผมเห็นดาวเสาร์โคจรเข้าสถิตย์ในกลุ่มดาวสิงโต ในแง่การคำนวณเวลา ผมบอกได้เลยว่ามันประมาณตีสามสิบห้านาที ในทางเทววิทยาวิทยาละก็ผมก็เห็นว่าพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน ส่วนพวกเราเป็นอะไรที่จิ๊บจ๊อยมาก ถ้ามองในแง่อุตุนิยม ผมว่าพรุ่งนี้อากาศจะดีมาก แล้วคุณละโฮล์ม คุณเห็นอะไรบ้าง?"
โฮล์มเงียบไปชั่วขณะ แล้วกล่าว "ไอ้ซื่อบื้อ ไม่เห็นรึไง ไม่รู้ใคร แอบมาขโมยเต๊นท์เราไปแล้ว"

ผมอ่านแล้วรู้สึกขำๆ ทำให้นึกถึงเรื่องราวในชีวิตของคนเรา บางคนมองอะไรลึกซึ้งเกินกว่าที่มันจะเป็น คิดว่าการมองเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตอย่างลึกซึ้งแล้วจะทำให้การดำเนินในแต่ละช่วงเวลาง่ายขึ้นโดยไม่ได้พิจารณาถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือก็คือ การมองโลกตามความเป็นจริง

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่ 2553

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพรปีใหม่ พร้อมพระราชทาน ส.ค.ส ในปีพุทธศักราช 2553 ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ความว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่วิตกห่วงใยในการเจ็บป่วยของข้าพเจ้า และแสดงออกโดยประการต่างๆ จากใจจริง ที่จะให้ข้าพเจ้าหายเจ็บป่วยและมีความสุขสวัสดี
ความสุขสวัสดีนี้ เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งของคนเรา แต่จะสำเร็จผลเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถและสติปัญญา ในการประพฤติตัวปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ชาวไทยทุกคนได้ตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงแน่วแน่ ที่จะประพฤติตัวปฏิบัติงานให้เต็มกำลังความสามารถ โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ จะคิดจะทำสิ่งใด ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ให้รอบคอบ ทำให้ดีให้ถูกต้อง
ข้อสำคัญจะต้องระลึกรู้โดยตระหนักว่า ประโยชน์ส่วนรวมนั้น เป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือ เป็นเป้าหมายหลัก ในการประพฤติตัวและปฏิบัติงาน เพราะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนแท้จริง ซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน ความสุขสวัสดีจักได้เกิดมีขึ้น ทั้งแก่บุคคล ทั้งแก่ชาติบ้านเมืองไทย ดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และส่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากโรคภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ และความสำเร็จสมประสงค์ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

พรปีใหม่สมเด็จพระสังฆราช ปีพ.ศ. 2553

สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทานพรปีใหม่ 2553 ความว่า "โลกจะมีสันติภาพเพราะเมตตายิ่ง ปีใหม่แล้ว ทุกคนขอให้เริ่มแก้ที่ตัวเองก่อน แก้ที่ใจวุ่นวาย เร่าร้อนด้วยอำนาจจิตของกิเลส ให้กลับเป็นใจที่สงบเย็นบางเบาจากกิเลส ที่เคยโลภมาก ก็ให้ลดลงเสียบ้าง ที่เคยโกรธแรง ก็ขอให้โกรธเบาบางลง ที่เคยหลงจัด ก็ขอให้พยายามใช้สติปัญญาตนเองจะเป็นผู้สงบก่อน ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความสงบเย็น กว้างขวางออกไปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย โลกเย็นเพราะเมตตายิ่ง โลกร้อน เมตตาหย่อน นี่เป็นความจริงที่ควรยอมรับและควรแก้ไข อันการแก้นั้นก็ต้องไม่ไปแก้ผู้อื่น ต้องแก้ที่ตัวเอง แก้ตัวเองให้ยิ่งด้วยเมตตา หรือให้มีเมตตายิ่งขึ้นนั่นเอง เมื่อมีเมตตาอย่างจริงใจแล้ว จะเป็นเหตุให้เกิดผลงานมากมาย เป็นคุณทั้งแก่ผู้รับและเป็นคุณทั้งแก่ผู้ให้ ขออำนวยพร"

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวัน อังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552