วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่า วิ่งมินิมาราธอนต้านภัยยาเสพติด

เมื่อวันก่อนไปวิ่งมินิมาราธอนมา เป็นการจัดงานเพื่อรณรงค์ต้านภัยยาเสพติด ตอนแรกคิดว่า 10 กิโลเมตร มันก็หนักหนาสาหัสสำหรับเราเหมือนกัน ตั้งใจไว้ว่า วิ่งสัก 5 กิโลเมตรก็พอจะได้กลับพร้อมกันกับเพื่อนๆ แต่พอวิ่งไปถึงจุดกลับตัวที่กิโลเมตรที่ 2.5 ก็มองเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ วิ่งต่อไป ตอนนั้นเลยคิดว่าทำไมไม่ลองวิ่งต่อไป ถึงแม้คิดว่ามันจะเกินความสามารถแต่ก็น่าจะลองดู ผมจึงวิ่งตามเด็กผู้หญิงคนนั้นต่อไป วิ่งไปได้สักพักจิตใจเริ่มคิดว่าคงไม่ไหวแน่ๆ เลย แล้วก็คิดว่าเราน่ามองเป้าหมายให้สั้นลงจากเส้นชัย ก็เอาเป็นว่าเอาชนะคนข้างหน้าให้ได้ก็พอ แล้วก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆ ค่อยๆ แซงไปทีละคนฯ พอไปถึงกิโลเมตรที่ 7 ที่ 8 ขาชักจะเริ่มวิ่งไม่ไหวจริงๆ แรงจิ้มจุ่มที่กินเมื่อคืนคงจะหมดแล้วแน่เลย ใจก็คิดไปว่าอย่าไปเอาชนะคนอื่นเลย เอาชนะตัวเราเองดีกว่า จึงลดความเร็วลงและวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องเอาชนะคนอื่น เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเอาชนะตัวเองให้ได้ก็พอแล้ว ไปให้ถึงเส้นชัยก็พอแล้ว ไม่ต้องเร็วอะไร ไม่ต้องแข่งขันกับใคร และแล้วในที่สุดก็ถึงเส้นชัยจนได้
จะว่าไปแล้วมันก็คงเหมือนชีวิตคนเรานี้ล่ะนะ เป้าหมายบางอย่างคงยากที่จะไปถึง แต่ถ้าเราตัดทอนให้สั้นลง และพยายามทำต่อไป เอาชนะเป้าหมายย่อยไปทีละขั้นๆ วันหนึ่งเราก็คงไปถึงเป้าหมายหลักได้เช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ จิตใจของเราเอง ถ้าจิตใจเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้จริงๆ.........รู้อย่างนี้แล้วถ้าเพื่อนๆ ที่ยังมีเป้าหมายที่ต้องเอาชนะอยู่ก็ขอให้ทำต่อไปแล้วกัน ถ้าว่างๆ ก็ไปวิ่งมาราธอนบ้างก็ดี คงจะได้ข้อคิดดีๆ หลายอย่างเลย.......ขอบคุณครับ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"การน้อมนำพระราชดำรัสไปปฏิบัติเพื่อให้บ้านเมืองมีความมั่นคงเป็นปกติสุข"

อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้อ่านบทความนี้ เพื่อนำไปคิดและทำให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธีชัยพัฒนา ได้บรรยายในหัวข้อ "การน้อมนำพระราชดำรัสไปปฏิบัติเพื่อให้บ้านเมืองมีความมั่นคงเป็นปกติสุข" ในการประชัมสัมมนาเชิงปฏิบัติการปลัดจังหวัดและนายอำเภอ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ที่โรงแรมแอมบาสาเดอร์ ซิตี จอมเทียน พัทยา ดังมีใจความว่า ประโยคที่ทุกคนได้รับรู้รับทราบคือ ปฐมบรมราชโองการที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ประโยคแรก "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" พระองค์ท่านไม่ใช้คำว่า "ปกครอง" คำว่า ปกครอง แสดงถึงการใช้อำนาจ ใช้กฎหมาย บริหารราชการแผ่นดิน แต่คำว่าครองคือการรักษาแผ่นดินโดยใช้ความรัก ความเมตตา ไม่ใช่อำนาจ นี่คือธรรมาภิบาล ใช้ธรรมะ ความดี ความถูกต้อง ในฐานะข้าราชการ ต้องรับใส่เกล้า ส่วนประโยคที่สองคือ "เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" คือเป้าหมายในการครองแผ่นดิน ที่ทรงใช้คำว่า ประโยชน์สุข โดยไม่พูดถึงเรื่องเงินทอง เพราะถ้าไม่ใช้เงินให้เกิดประโยชน์ความสุขก็เกิดไม่ได้ ความร่ำรวยไม่สำคัญเท่าสติปัญญา ทรงข้ามคำว่า เงินทอง อย่าหลงติดกับบริโภคนิยม ทุนนิยมที่กำลังครองโลก เราไม่มีปัญญาใช้เงินให้เป็นประโยชน์ก็ป่วยการ คนไทยชอบได้ยินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชอบเห็น แต่ไม่เคยฟัง เลย ไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ท่านแสดงออกให้เห็นผ่านโครงการต่างๆ ฝ่ายปกครองบอกมีโครงการหลายโครงการ แต่ไม่ยอมมองทะลุไปหาความหมายโครงการ
"ผมเคยกราบบังคมทูลถามพระองค์ท่าน เรื่องอาชีพ ตอนจดแจ้งมูลนิชัยพัฒนา ท่านรับสั่งว่า ถ้าใครถามว่า ฉันทำอาชีพอะไร ให้บอกว่า ทำราชการ ทรงทำราชการ แต่พวกเรารับราชการ หน้าที่ภารกิจของเราคือทำอย่างไรให้บ้านเมืองปกติสุข ก็ต้องพยายามส่งเสริมคนดีให้ได้ทำหน้าที่ หลายคนอาจมาบ่นว่า ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้ทำดีต่อไป ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้กัดฟันทำ ลุยไปเรื่อย เอางานนำมันเป็นการทดสอบว่า เราอดทนแค่ไหน ขอให้ข้าราชการอย่าเสียกำลังใจ พระองค์ทรงแช่งว่า ทุจริตนิดเดียวขอให้มีอันเป็นไปในวันข้าราชการพลเรือน ดังนั้นขอให้ทุกคนนึกถึงประโยชน์ของแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินสงบและมีความเป็นธรรม แต่เป็นเรื่องยาก เดี๋ยวเจอญาติ เดี๋ยวเจอผู้มีอิทธิพล เดี๋ยวเจอนายสั่ง นายฝาก
เราต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว แผ่นดินต้องมาก่อน บางครั้งเรานึกถึงตัวเองเกินไป เราต้องรักษาแผ่นดินให้เราอยู่ได้ด้วย การทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อแผ่นดิน ก็เพราะอยู่บนแผ่นดินในส่วนรวมเดียวกัน ถ้าแผ่นดินไทยไม่มี ชาติไม่มีแล้วจะมีที่ยืนหรือ ในปี 50 สถานการณ์เริ่มไม่ดี ทรงเคยเตือนให้พึงสังวรถึงความสงบ สามัคคี คิดถึงชาติเป็นที่ตั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็มาจากยึดตัวเอง ยึดพวกเป็นที่ตั้ง ปีนั้นทรงเตือนมากเป็นพิเศษ เตือนเรื่องคิดถึงส่วนรวม ไมตรีจิต เมตตา เรื่องเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความไม่สงบบ่อยครั้ง ทรงเตือนมา 3 ปีล่วงหน้า และทรงปรารถนาอยากเห็นคนไทยมีความสุข แต่ความสุขนั้น เราต้องให้ความรัก ความเมตตา ให้อภัย ไม่โกรธ มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ในปีนี้ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ แปลกไหม
มันเกิดอะไรในบ้านเมือง ถ้าเราปฏิบัติแบบให้อภัย มีเมตตากัน ก็ไม่ต้องมีคณะกรรมการนี้ จะใส่เสื้อสีอะไรก็เชิญ สีไหนก็ลูกท่าน ทุกคนยืนอยู่บนดินเดียวกัน ผมถวายงานมา 30 ปี ประมวลสิ่งที่อยากให้ข้าราชการปฏิบัติสิบกว่าข้อ
ข้อ 1. ทรงสอนว่า การทำงาน ต้องรู้ก่อน รู้รักสามัคคี ก็มีคำว่ารู้ ถ้าไม่รู้อย่าเพิ่งทำ
2. งานทุกอย่างไม่ใช่งานง่าย ต้องอดทน มุ่งมั่นเป็นอย่างมาก และยึดความถูกต้องด้วย
3. ถ้าดูพระองค์ท่าน ทรงอ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย และประหยัด
4. ซื่อสัตย์ สุจริต กตัญญู ไม่ต้องอธิบาย
5. ตั้งใจจริงและขยันหมั่นเพียร
6. หัดฟังคนอื่นบ้าง อย่าเก่งคนเดียว
7. มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
8. พึ่งตนเอง ส่งเสริมคนดีและคนเก่ง
9. ต้องรู้จักให้บ้าง
10. ทำอะไรเรื่องเล็กไปหาใหญ่ อย่าใจร้อน