วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

ความจริงใจของนายกับความตายของลูกน้อง

ผมมักจะมีโอกาสเป็นที่ปรึกษายามยากให้แก่เพื่อนๆ อยู่บ่อยครั้ง แม้บางครั้งผมจะไม่มีคำตอบให้เขา ทำได้เพียงฟังเฉยๆ แต่เท่านี้เขาคงพอใจระดับหนึ่งแล้ว ปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเจ้านาย ลูกน้อง หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงาน ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของนายทหารชัวมอและเตียวอุย ในหนังสือสามก๊ก จากความตอนหนึ่งว่า "...โจโฉจึงให้ทหารเอาตัวชัวมอ เตียวอุนไปฆ่าเสีย ทหารก็คุมเอาตัวชัวมอ เตียวอุนไปตัดเอาศีรษะเข้ามาให้โจโฉ โจโฉเห็นศีรษะนายทหารทั้งสองนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า เราเสียกลอุบายจิวยี่ ไม่ทันตรึกตรองจึงให้ฆ่าชัวมอ เตียวอุนเสีย ครั้นจะออกปากว่าคิดผิดก็เกรงว่าภายหน้าไปทหารทั้งปวงจะละเมิดไม่ยำเกรง"

ในหนังสือเรื่อง ลูกน้องกับนายสไตล์สามก๊ก ของ ดร.อัมพร สุขเกษม ได้อธิบาย ชัวมอ เตียวอุนเป็นใครไว้ว่า ชัวมอ เตียวอุนนั้นเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองคนมีฝีมือในการรบทางเรือเป็นอย่างเอก กล่าวกันว่าในยุคสามก๊กจะหาผู้บัญชาการทหารเรือที่มีความสามารถเช่นนี้ยากนัก ชัวมอนั้นเป็นญาติและเป็นคนสนิทของนางชัวฮูหยิน นางชัวฮูหยินคนนี้เป็นภรรยาเล่าเปียว เจ้าเมือเกงจิ๋ว เมืองเกงจิ๋วเป็นเมืองใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ตามรายงานปรากฏว่าเมืองนี้มีกำลังทหารม้าห้าหมื่น ทหารเดินเท้าสิบห้าหมื่น มีเรือรบเจ็ดพันลำเศษ และมีทหารเรือแปดหมื่นคน มีเสบียงสะสมไว้พอกินได้ประมาณปีหนึ่ง เมื่อเล่าเปียวเจ้าเมืองตายลง นางชัวฮูหยินกับชัวมอ เตียวอุนก็สบคบกันใช้อุบายให้เล่าจ๋อง ลูกของนางชัวฮูหยินได้เป็นเจ้าเมืองแทนพ่อทั้งๆ ที่เล่าจ๋องไม่มีสิทธิ์ และเมื่อโจโฉยกกองทัพมาถึงเมืองเกงจิ๋ว ชัวมอ เตียวอุน ก็ออกไปรับโจโฉถึงฝั่งแม่น้ำ ด้วยใจสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ และเมื่อโจโฉทราบกิตติศัพท์อยู่ว่า ชัวมอ เตียวอุน เป็นผู้ชำนาญการรบทางเรือจึงตั้งให้เป็นายกองทัพเรือ
เมื่อโจโฉตั้งชัวมอ เตียวอุน เป็นนายกองทัพเรือนั้น ซุนฮิว ที่ปรึกษาของโจโฉ ว่าแก่โจโฉว่า "ชัวมอกับเตียวอุนสองคนนี้ เป็นคนประจบประแจงสอพลออยู่ยังมิทันเห็นน้ำใจเหตุไฉนท่านจึงแต่งตั้งให้เป็นนายกองทัพเรือนั้นยังกระไรอยู่" โจโฉหัวเราะแล้วจึงตอบว่า "ตัวเราไม่รู้จักน้ำใจคนนั้นจะทำการไปได้หรือ ประการหนึ่ง ทหารเราเจนจัดแต่ทางบกไม่ชำนาญในการเรือ เราทำทั้งนี้ปรารถนาจะเอาใจไว้ จะได้ฝึกสอนทหารเราให้สันทัดแล้วกำจัดเสียเมื่อปลายมือ จะยากง่ายอะไรเล่า"
แต่โชคไม่ดีของทั้งสองคน การรบครั้งแรกทหารเรือในบังคับบัญชาของชัวมอ เตียวอุน รบแพ้ทหารเรือของเมืองกังตั๋ง โจโฉโกรธมาก เรียกชัวมอ เตียวอุนไปพบแล้วว่า "ทหารเมืองกังตั๋งน้อยกว่าเรา เหตุใดจึงแตกมา หรือตัวทั้งสองมิได้ทำการโดยสุจริตแกล้งให้เสียมาดังนี้" ชัวมอชี้แจงว่า "ทหารเมืองเกงจิ๋วมิได้ฝึกสอน ละไว้นานแล้วอนึ่งเล่าทหารของท่านก็ล้วนแต่ชาวดอน ไม่ชำนาญในทัพเรือ จึงเสียทีแก่จิวยี่" แล้วก็อธิบายถึงแผนการฝึกทหารเรือของตนให้โจโฉฟัง โจโฉฟังแล้วก็ได้แต่พูดว่า "ตัวท่านทั้งสองนี้ก็ชำนาญในการสงครามทั้งทัพบกทัพเรือ เราก็ไว้ใจตั้งให้เป็นแม่ทัพผู้ใหญ่อยู่แล้ว แม้ท่านเห็นดีประการใดก็เร่งฝึกสอนเถิด"
ชัวมอ เตียวอุน จึงให้เอาเรือใหญ่ไปทอดวงเป็นค่ายลงตามชายทะเลไว้ช่องสำหรับจะเข้าออกยี่สิบสี่ประตู แล้วจัดทหารลงเรือรบแจวหนีและไล่ฝึกหัดหวังจะให้รวดเร็วชำนาญในที่รบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ชัวมอ เตียวอุน ตั้งใจฝึกทหารเต็มที่ อย่างถูกหลักเกณฑ์ และทำท่าว่าจะได้ผลดีด้วย จนกระทั่งวันหนึ่ง จิวยี่แม่ทัพเมืองกังตั๋งคู่สงครามของโจโฉ ปลอมตัวเป็นเรือลูกค้าไปสอดแนมการจัดทัพของโจโฉด้วยตนเอง เห็นกระบวนค่ายฝึกซ้อมของชัวมอ เตียวอุนถึงกับตกใจ และคิดว่า "จำจะคิดกลอุบายกำจัดชัวมอ เตียวอุนเสียให้ได้ เราจึงจะได้ทำศึกแก่โจโฉภายหน้าไม่ขัดสน" และบังเอิญโจโฉใช้ที่ปรึกษาคนหนึ่งชื่อ เจียวก้าน มาเกลี่ยกล่อมจิวยี่ เจียวก้านจึงถูกจิวยี่ใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัด ชัวมอ เตียวอุน
ความตอนหนึ่งของสามก๊กฉบับเจ้าพระยาคลัง (หน) อธิบายไว้ว่า พอเวลารุ่งเช้า โจโฉเห็นเจียวก้านกลับมาจึงถามว่า ซึ่งท่านอาสาไปนั้น ยังได้ราชการอยู่หรือ เจียวก้านจึงบอกว่า จิวยี่นั้นมีสติปัญญามากนัก พูดจาเกลี้ยกล่อมนั้นไม่สมความคิด โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ท่านรับอาสาไปแล้วไม่ได้ราชการ จิวยี่มิหัวเราะเยาะเราเล่นหรือ เจียวก้านจึงว่า ถึงมาทว่าไปเกลี้ยกล่อมจิวยี่ไม่สมความคิด ก็ได้ความลับมาข้อหนึ่งเป็นการใหญ่ ครั้นจะบอกท่านบัดนี้ก็ไม่ควร
โจโฉจึงให้ขับทหารทั้งปวงเสียสิ้น เจียวก้านจึงเอาหนังสือนั้นให้โจโฉ โจโฉอ่านดูหนังสือ ความว่า ชัวมอ เตียวอุนคำนับมาถึงจิวยี่ ซึ่งข้าพเจ้ามาอยู่ด้วยโจโฉนี้เพราะความจำใจ แต่คิดแค้นอยู่มิวาย ถ้าได้ทีเมื่อใดข้าพเจ้าจะตัดศีรษะมาให้ท่าน แม้ยังมิสมความคิดก่อนข้าพเจ้าจะให้คนลอบไปบอกข่าวท่านเนืองเนือง โจโฉแจ้งเนื้อความดังนั้นก็โกรธว่าชัวมอ เตียวอุนคิดร้ายต่อเราถึงเพียงนี้ ก็ให้หาชัวมอ เตียวอุนเข้ามาแล้วว่า เราจะให้ตัวทั้งสองนี้ยกทัพเรือไปรบจิวยี่ ชัวมอ เตียวอุนจึงว่า ทหารทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้ฝึกสอนนั้นยังไม่สันทัด ของดอยู่หัดให้ชำนาญเรือก่อนจึงจะยกไปทำการศึกได้ โจโฉได้ฟังดังนั้นมีความโกรธเป็นอันมาก แล้วว่า ซึ่งตัวจะให้งดไว้กว่าทหารจะสันทัดการเรือนั้น ศีรษะเราจะมิไปอยู่ในเงี้อมมือจิวยี่หรือ ชัวมอ เตียวอุนมิได้รู้เนื้อความก็นิ่งอยู่ไม่ตอบประการใด โจโฉจึงให้ทหารเอาตัวชัวมอ เตียวอุนไปฆ่าเสีย ทหารก็คุมเอาตัวชัวมอ เตียวอุนไปตัดศีรษะเข้ามาให้โจโฉ โจโฉเห็นศีรษะนายทหารทั้งสองนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าเราเสียกลอุบายจิวยี่ไม่ทันตรึกตรอง จึงให้ฆ่าชัวมอ เตียวอุน ครั้นจะออกปากว่าคิดผิดก็เกรงว่า ภายหน้าไปทหารทั้งปวงจะละเมิดไม่ยำเกรง

จากทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟัง ต้องการให้ดูตัวอย่างความเป็นนายอย่างโจโฉ อยากให้ผู้อ่านเห็นน้ำใจของนายอย่างโจโฉ ที่มองว่าลูกน้องอย่างชัวมอ เตียวอุน เป็นคนประจบประแจสอพลอ และคิดจะกำจัดตนเองทิ้งเมื่อปลายมือ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทำให้ตัดสินใจผิดพลาดจนสูญเสียบุคลากรอันมีค่าไป และในที่สุดตนเองก็พ่ายแพ้แก่จิวยี่ กลายเป็น สามก๊กตอน โจโฉแตกทัพเรือ ในที่สุด

ปัจจุบันนี้เราคงไม่มีโอกาสเลือกเจ้านายมากนั้น แต่ถ้าโชคไม่ดีได้เจ้านายอย่างโจโฉที่คิดจะกำจัดตนเองทิ้งเมื่อปลายมือ เราๆ ท่านๆ จะทำอย่างไรดีครับ อาจเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ แต่ถ้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ ก็ "หนี" เถอะครับ เอาตัวรอดไว้ก่อน ขอให้โชคดี.....สวัสดี

เอาสารอ้างอิง :
1) สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาคลัง (หน)
2) ลูกน้องกับนายสไตล์สามก๊ก, ดร.อัมพร สุขเกษม

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับสำหรับสมาร์ทเถ้าแก่ 21 ข้อ

การมีธุรกิจเป็นของตนเอง สำหรับคนบางคนอาจเป็นความฝันทั้งชีวิตของเขาเลยก็ได้ บางคนสามารถประสบความสำเร็จได้ และมีบางคนก็เป็นได้แค่ความฝัน ผมเองตอนนี้ก็ยังคงเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น อย่างไรก็ดี ไม่อยากท้อแท้ใจ แต่จะพยายามหาไอเดียและทำความฝันนี้ให้เป็นจริงให้ได้ ในนิตยสาร SMEs Today ปีที่ 7 เล่มที่ 77 และ 78 ประจำเดือนมีนาคม และ เมษายน 2552 มีคอลัมป์หนึ่งน่าสนใจสำหรับนักล่าฝันอย่างพวกเรา ชื่อว่า 21 เคล็ดลับเถ้าแก่ (1)(2) ซึ่งผมขออนุญาตินำมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้

1. ความกล้าเสี่ยง อย่างน้อยต้องรู้จักประเมินว่า ธุรกิจที่จะทำ มีความเสี่ยงรออยู่แต่ก็ยังอยากที่จะลองเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
2. ต้องการมุ่งความสำเร็จ เมื่อมองเห็นโอกาสแห่งความเป็นไปได้ พร้อมทั้งพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ผู้ประกอบการจะมุ่งมั่นใช้พลังงานความคิด สติปัญญา ความสามารถทั้งหมด ทำงานหนักทุ่มเทให้กับงาน เพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามช่องทางที่วางไว้
3. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้ที่ชอบนำประสบการณ์ที่ผ่านมา นำมาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์หาวิธีการใหม่ที่ดีกว่าเดิมและนำมาใช้กับการบริหารธุรกิจ
4. รู้จักผูกพันต่อเป้าหมาย คือ สามารถจินตนาการไปถึงความสำเร็จ และจะต้องทำอย่างไรหากล้มเหลว หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรและจะแก้ไขอย่างไร
5. ความสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการทำงาน ตลอดจนรู้จักใช้ความสามารถในการทำงานสร้างทัศนคติและแรงจูงใจต่อผู้ร่วมงานให้สามารถเข้าใจการทำงาน และเต็มใจปฎิบัติงานตามที่วางไว้
6. ยืนหยัดต่อสู้ทำงานหนัก ทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค ถูกกดดันอย่างใหญ่หลวงก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ขอเพียงให้งานที่รับผิดชอบสำเร็จเท่านั้น
7. นำประสบการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียน ซื่งเป็นคุณลักษณะสำคัญที่ควรจะปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ เพราะเป็นการมองผลงานในอดีตที่เคยทำผิดพลาด นำมาเป็นบทเรียนสะท้อนไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
8. มีความสามารถในการบริหารงานและมีความเป็นผู้นำที่ดี มีลักษณะการเป็นผู้นำรู้หลักการบริหารงานจัดการที่ดี เมื่อต้องทำงานร่วมกับบุคลากรหลายระดับในภาวะที่แตกต่างกันออกไปตามระยะการเติบโตของกิจการ ซึ่งลักษณะของความเป็นผู้นำก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย
9. มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความมั่นใจ ตั้งใจเด็ดเดี่ยว เข้มแข็งมีลักษณะเป็นผู้นำ มีความทะเยอทะยาน และไม่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป หรือเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป
10. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ สามารถที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้าได้อย่างแม่นยำและพร้อมรับเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลง
11. มีความรับผิดชอบ (Responsibility) รับผิดชอบต่องานที่ทำเป็นอย่างดี เป็นผู้นำในการทำสิ่งต่างๆ มักจะมีความคิดริเริ่มแล้วลงมือทำเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นทำ และเป็นผู้ดูแลจนงานสำเร็จไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะรับผิดชอบผลการตัดสินใจ ไม่ว่าผลออกมาจะดีหรือไม่ มีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากความเอาใจใส่ ความพยายาม ความรับผิดชอบมิใช่เกิดจากโชคหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดขึ้น
12. มีความกระตือรือร้น และไม่หยุดนิ่ง (Enthusiastic)ทำงานทุกอย่างโดยไม่หลีกเลี่ยงทำงานหนักมากกว่าคนปกติทั่วไป เร่งรัดตัวเองทุกวัน มีพลังผูกพันตัวเองไม่อยู่นิ่งด้วย
13. ใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม โดขเฉพาะความรู้ข้อมูลทางการตลาด เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย ทั้งในและต่างประเทศ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เขาวิเคราะห์สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ความรู้ไม่มีวันเรียนจบ
14. กล้าต้ดสินใจและมีความมุมานะพยายาม เชื่อมั่นในตนเองกับงานที่ทำ มีจิตใจของนักต่อสู้ แม้งานจะหนักก็ทุ่มเทให้สุดความสามารถ
15. อย่าตั้งความหวังไว้กับผู้อื่น มีการผลักดันให้ผู้ที่อยู่รอบด้านทำงานหนักอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับตนเพื่อให้งานสำเร็จและมุ่งหวังความสำเร็จ
16. มองเหตุการณ์ปัจจุบันเป็นหลักจะต้องทำงานปัจจุบันให้ดีที่สุด คิดถึงอนาคตด้วยการวางแผนไว้อย่างรอบคอบ
17. สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ต้องเชื่อมั่นในความสามารถของตนที่จะปรับตนเองให้เป็นไปตามความต้องการของสภาพแวดล้อมมากกว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม หรือขึ้นอยู่กับโชคหรือดวง
18. รู้จักประมาณตนเอง ไม่ทำสิ่งใดเกินตัว เกินความสามารถ
19. ต้องมีความร่วมมือและแข่งขัน ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันจะต้องไม่พยายามทำธุรกิจให้เกิดเพียงผู้ชนะอย่างเดียว ร่วมมือกัน พึ่งพาอาศัยกันเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด
20. ประหยัดเพื่ออนาคต ผู้ประกอบการต้องมีการประหยัด อดออมไว้เพื่อนำไปขยายกิจการในอนาคต ต้องรู้จักห้ามใจที่จะหาความสุข ความสบายในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในช่วงตั้งตัว เพื่ออนาคตข้างหน้า
21. มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าในด้านคุณภาพสินค้าและต้องสร้างความเชื่อถือของตัวเองในการเป็นลูกหนี้ที่ดีของธนาคาร เป็นนายที่ดีของลูกน้อง มีความซื่อสัตย์ต่อหุ้นส่วน ต่อครอบครัว และต่อตนเอง

ในความเป็นจริงผมคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะมีครบทั้ง 21 ข้อข้างต้น แต่ไม่เป็นไรขอให้ค่อยๆ สร้างขึ้นที่ละข้อก็ได้ ผมคิดว่าความสำเร็จคงจะเป็นของนักล่าฝันทุกคนครับ.....สวัสดี

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ท่านจะมีชัยชนะสิบประการ แลอ้วนเสี้ยวจะแพ้สิบประการ

ในหนังสือเรื่องสามก๊กมีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับอุปนิสัยใจคอของบุคคลต่างๆ ที่มีทั้งข้อดีและข้อด้อย มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน โจโฉก็เป็นบุคคลหนึ่งที่น่ายกย่องในมุมมองของความเป็นผู้นำและนักปกครอง ความตอนหนึ่งจากเรื่องสามก๊ก เป็นคำกล่าวของที่ปรึกษากุยแกที่ว่า ข้าพเจ้าเห็นท่านจะมีชัยชนะสิบประการ แลอ้วนเสี้ยวจะแพ้แก่ท่านสิบประการ เป็นความตอนหนึ่งในเรื่องสามก๊ก เวลานั้น อ้วนเสี้ยวปราบปรามกองซุนจ้านลงได้ และได้ผนวกเอาเมืองทั้งสี่เข้าด้วยกัน จนมีกำลังทหารแสนคนเศษ และกำลังจะกรีธาทัพบุกเมืองฮูโต๋ โจโฉใจอยากจะยกออกต่อต้าน แต่ก็ลังเลใจและหวาดกลัวจึงได้ขอคำแนะนำจากกุยแกว่า "เปิ่นซู(ชื่อรองของอ้วนเสี้ยว)มีทหารในเมืองกิจิ๊วมากมาย ทั้งเมืองเฉงจิ๋วและเป๊งจิ๋วก็ยอมขึ้นต่อ ทำให้เขามีกำลังทหารมาก มีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล เรียกว่ามีแสนยานุภาพไม่น้อยทีดียว ข้าอยากเข้าตีเขา แต่กำลังสู้เขาไม่ได้จะให้ทำประการใดดี"(จากชีวประวัติกุยแก บทที่ 14 ซานกั๋วจื้อ)
กุยแกจึงว่าครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทำการศึกนั้น พระเจ้าฌ้อปาอ๋องกล้าแข็ง และก็มีทหารเป็นอันมาก ฝ่ายพระเจ้าฮั่นโกโจนั้น ทหารก็น้อยแต่ชำนาญในการศึก คิดเอาชัยชนะพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ เนื้อความทั้งนี้ก็ย่อมแจ้งอยู่ ซึ่งอ้วนเสี้ยวมีทหารเป็นอันมากแต่หาความคิดมิได้ ท่านอย่าปรารมภ์ด้วยทหารเราน้อย ถ้ายกไปทำการศึกแก่อ้วนเสี้ยว ข้าพเจ้าเห็นท่านจะมีชัยชนะสิบประการ แลอ้วนเสี้ยวนั้นจะแพ้แก่ท่านสิบประการ โจโฉจึงถามว่าเราจะชนะสิบประการนั้น แลอ้วนเสี้ยวจะแพ้สิบประการนั้นฉันใด ท่านจงวิตถารให้เราแจ้ง
กุยแกจึงว่าท่านจะชนะสิบประการนั้นคือ
...ท่านมิได้ถือตัว ถ้าจะทำการสิ่งใจถึงผู้น้อยจะขัดท่านว่าผิดแลชอบ ท่านก็เห็นด้วย ประการหนึ่ง
...น้ำใจท่านโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง แล้วจะทำการสิ่งใดก็ถือเอารับสั่งพระเจ้าเหี้ยนแต้เป็นประมาณ คนทั้งหลายก็ยินดีด้วย ประการหนึ่ง
...ท่านจะว่ากล่าวสิ่งใดก็สิทธิ์ขาด มีสง่า คนทั้งปวงยำเกรงท่านเป็นอันมาก ประการหนึ่ง
...ใจท่านสัตย์ซื่อ เลี้ยงทหารโดยยุติธรรม ถึงญาติพี่น้องผิดก็ว่ากล่าวมิเข้าด้วยผู้ผิด ประการหนึ่ง
...ท่านจะคิดทำการสิ่งใดเห็นเป็นความชอบก็ตั้งใจทำไปจนสำเร็จ ประการหนึ่ง
...ท่านจะรักผู้ใดก็รักโดยสุจริตมิได้ล่อลวง ประการหนึ่ง
...ท่านเลี้ยงคนซึ่งอยู่ใกล้กับอยู่ไกล ถ้าดีแล้วเลี้ยงเสมอกัน ประการหนึ่ง
...ท่านคิดการหนักหน่วงให้แน่นอนแล้วจึงทำการ ประการหนึ่ง
...ท่านจะทำการสิ่งใดก็ทำตามขนบธรรมเนียมโบราณ ประการหนึ่ง
...ท่านชำนาญในกลสงคราม ถึงกำลังข้าศึกมากกว่าท่าน ท่านก็คิดเอาชัยชนะได้ เป็นประการ
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวจะแพ้ท่านสิบประการนั้นคือ
...อ้วนเสี้ยวเป็นคนถืออิสริยยศ มิได้เอาความคิดผู้ใดประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้า ทำการโดยโวหาร ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวจะว่ากิจการสิ่งใดมิได้สิทธิ์ขาด ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตัว มิได้ว่ากล่าวตามผิดแลชอบ ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวจะคิดการสิ่งใด มักกลับเอาดีเป็นร้ายเอาร้ายเป็นดี มิได้เชื่อใจของตัว ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวจะเลี้ยงผู้ใดมิได้ปรกติ ต่อหน้าว่ารัก ลับหลังว่าชัง ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวมักรักคนชิดซึ่งประสมประสาน ผู้ใดห่างเหินถึงซื่อสัตย์ก็มีใจชัง ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวกระทำความผิดต่างๆ เพราะฟังคำคนยุยง ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวจะทำการสิ่งใด เอาแต่อำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมโบราณ ประการหนึ่ง
...อ้วนเสี้ยวมิได้รู้ในกลศึก แต่มักพอใจทำการศึกล่อลวง จะชนะก็ไม่รู้จะแพ้ก็ไม่รู้ เป็นสิบประการ
ข้าพเจ้าจึงว่าท่านจะชนะสิบประการ อ้วนเสี้ยวจะแพ้สิบประการ ดังนี้
ในที่สุดโจโฉก็มีชัยเหนืออ้วนเสี้ยวในการยุทธ์ที่กัวต๋อเมื่อปี พ.ศ.743

ในภาวะปัจจุบันที่ต้องแข่งขันกันทางด้านเศรษฐกิจ ความเป็นผู้นำของผู้นำองค์กรหรือหัวหน้างาน มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากสามารถศึกษาได้จากตำราสามก๊กนี้แล้ว แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็ตามทีจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำพาองค์กรไปสู่ความเติบโตที่ยั่งยืน.....สวัสดี

เอกสารอ้างอิง:
1) สามาก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน)
2) กลยุทธ์กุนซือ ฉบับเจ็ดยอดกุนซือในสามก๊ก, อดุลย์ รัตนมั่นเกษม เรียบเรียง, ทองแถม นาถจำนง บรรณาธิการ

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

จิตวิทยาเสริมสร้างความมั่นใจ

ผมได้อ่านหนังสือแล่มหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองแล้วรู้สึกว่าดี มีประโยชน์น่าจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เลยอยากแน่ะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้อ่านบ้าง น่าจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง หนังสือชื่อว่า จิตวิทยาเสริมสร้างความมั่นใจ (The Ultimate secrets of total self-confidence) สำนักพิมพ์ เดอะบอสส์ ในหนังสือนั้นเขียนไว้หลายบทอยู่เหมือนกัน แต่พอจะสรุปได้เป็นข้อๆ ในบทสุดท้ายได้ดังนี้

ข้อกำหนดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง

1. จงยอมรับในความเป็นจริงว่าคุณคือบุคคลผู้มีความสามารถพิเศษอยู่ในตัว พร้อมด้วยสถานที่อยู่และจุดประสงค์พิเศษที่จะต้องการทำให้สมบูรณ์
2. จงเพิ่มพูนและขยายขอบเขตความรู้และขจัดความแน่ใจที่ผิดพลาด ซึ่งสกัดกั้นคุณไว้จากการที่จะระบายศักยภาพอันไร้ขอบเขตของคุณออกมา
3. การระบายศักยภาพอันไร้ขอบเขตนั้น จงเลือกเป้าหมาย สร้างแผนการให้กับชีวิต และมอบสิ่งนั้นให้กับจิตใต้สำนึกของคุณ
4. จงมองลึกเข้าไปภายในตัวคุณเอง เพื่อแสวงหาความปรีชาสามารถและพลังในการที่จะแก้ปัญหาทั้งมวลและทำให้ชีวิตเป็นเช่นที่ปรารถนาจะเป็น
5. มองให้เห็นภาพและมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในสิ่งใดก็ตามที่คุณต้องการจะเป็นหรือมี ในประสบการณ์แห่งชีวิต
6. จงทำให้ความคิดอันมุ่งมั่นประสบความสำเร็จ มิใช่เผชิญกับความลัมเหลว
7. จงเป็นนายของกาลเวลา มิใช่ให้กาลเวลาเป็นนายคุณ
8. จงขจัดความรู้สึกที่จะต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ขจัดความละอาย ความกลัว และความกังวล จงสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นและนำเข้าไปแทนที่ จงสร้างความรัก สร้างจินตนาการ สร้างความกระตือรือร้น จงเป็นผู้มีอารมณ์ขันและมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
9. เพื่อช่วยให้เกิดความสำเร็จในสันติ พลัง และความสมบูรณ์แบบ จงฝึกฝนอบรมตนเองให้รู้จักศิลปแห่งการกระทำสมาธิจิต
10.และ...ในที่สุด จงจำไว้ว่า คุณคือเจ้าของความสามารถที่จะเลือก และมีพลังแห่งศักยภาพที่จะทำให้ทุกสิ่งที่ปรารถนาเป็นผลสำเร็จในบั้นปลาย

นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในคำแนะนำทั้ง 14 บทของหนังสือเล่มนี้ ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้อบ่างเต็มที่จากหนังสือเรื่อง จิตวิทยาเสริมสร้างพลังความมั่นใจ (The Ultimate secrets of total self-confidence) ได้เลยครับ......สวัสดี